หนังสือแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice)
สำหรับผู้ปฏิบัติงานของมหาวิทยาลัย
---------------------------------------------------------------------------------------
มหาวิทยาลัยศรีปทุม (“มหาวิทยาลัย”) ขอแจ้งให้ท่านทราบถึงหนังสือแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของมหาวิทยาลัย
เนื่องจากหนังสือแจ้งฉบับนี้ได้อธิบายถึงวิธีการที่มหาวิทยาลัยจะปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ดังนั้นเพื่อเป็นการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มหาวิทยาลัยจะดำเนินการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
มหาวิทยาลัยจึงได้จัดให้มีหนังสือฉบับนี้ขึ้นและมหาวิทยาลัยขอเรียนให้ท่านโปรดอ่านหนังสือแจ้งฉบับนี้เพื่อทราบและเข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยที่ดำเนินการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รายละเอียดดังนี้
1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
มหาวิทยาลัยมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
เพื่อมุ่งให้ความรู้ ความชำนาญแก่ผู้ศึกษา
สนองความต้องการโดยให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและสังคมของชาติ
เน้นการปฏิบัติภารกิจของสถาบันอุดมศึกษาในด้านการเรียน การสอน การวิจัย
การให้บริการทางวิชาการแก่สังคม และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ
ในการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าว มหาวิทยาลัยจะเก็บรวบรวม
ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยและอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562 ตามวัตถุประสงค์และภายใต้ฐานดังต่อไปนี้
(1) ฐานสัญญา (Contract)
เป็นการจำเป็นที่ท่านจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่มหาวิทยาลัยเมื่อท่านได้ใช้บริการหรือติดต่อเกี่ยวกับข้อเสนอการให้บริการหรือเข้าทำสัญญากับมหาวิทยาลัย
เพื่อมหาวิทยาลัยจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปประมวลผลเกี่ยวกับการให้บริการหรือการเข้าทำสัญญาหรือเพื่อให้มหาวิทยาลัยได้ติดต่อสื่อสารหรือเพื่อติดตามและแจ้งผลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามสัญญาให้แก่ท่านทราบ
(2) ฐานความยินยอม (Consent)
กรณีจำเป็นเมื่อท่านให้ความยินยอมกับมหาวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการออกแบบ
หรือเพื่อการพัฒนาเกี่ยวกับการศึกษา
หรือการบริการเพื่อนำเสนอกิจกรรมทางการตลาดที่เกี่ยวกับการศึกษา หรือเพื่อการบริหารจัดการภายใต้การดำเนินงานของมหาวิทยาลัย
(3) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม (Legitimate
Interest)
กรณีจำเป็นมหาวิทยาลัยอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการจัดการและการจัดทำรายงานที่จำเป็นภายในมหาวิทยาลัย
การดูแลรักษาระบบเพื่อรักษามาตรฐานหรือการพัฒนาการบริการ
การจัดการบริหารความเสี่ยงในมหาวิทยาลัย การควบคุมและการตรวจสอบภายใน
ซึ่งมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมหาวิทยาลัย
(4) ฐานจดหมายเหตุ วิจัย หรือสถิติ
มหาวิทยาลัยอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หรือการศึกษา วิจัย การจัดทำสถิติ ซึ่งได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสม
(5) ฐานประโยชน์สำคัญต่อชีวิต (Vital Interest)
กรณีจำเป็นมหาวิทยาลัยอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อประโยชน์ในการระงับอันตรายเกี่ยวกับชีวิต
สุขภาพ หรือความปลอดภัยของท่านหรือบุคคลอื่น
(6) ฐานภารกิจของรัฐ (Public Task)
กรณีจำเป็นมหาวิทยาลัยอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ
หรือปฏิบัติในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบหมายให้แก่มหาวิทยาลัย
(7) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย (Legal
Obligation)
กรณีมีความจำเป็นมหาวิทยาลัยอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้ในการประมวลผลข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายทั้งที่มีผลใช้บังคับในปัจจุบันและที่จะมีการแก้ไขหรือเพิ่มเติมในอนาคต
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มหาวิทยาลัยได้เก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์การใช้บริการ
ประกอบกับฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรม (Lawful Basis for
Processing) ในแต่ละกิจกรรม ดังนี้
วัตถุประสงค์ |
ฐานการประมวลผล |
1) เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าทำสัญญาจ้างแรงงาน
เป็นผู้ปฏิบัติงานของมหาวิทยาลัย |
1.1) ฐานสัญญา :
เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา
หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา |
2) เพื่อบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคลและเตรียมความพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงาน
เช่น ทำบัตรผู้ปฏิบัติงาน เก็บใบหน้าหรือลายนิ้วมือ เป็นต้น |
2.1) ฐานสัญญา : เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา
สำหรับเตรียมความพร้อมให้ท่านเข้าเป็นผู้ปฏิบัติงาน 2.2) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย : เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามบทบัญญัติใดของกฎหมาย
หรือทำตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ หรือหน่วยงานใดที่บังคับใช้กฎหมาย 2.3) ฐานความยินยอม |
3) เพื่อใช้ในการติดต่อประสานงานกับบุคคลที่สาม
เช่น คู่สมรส บิดา มารดา บุตร รวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวของผู้ปฏิบัติงานกรณีสิทธิและประโยชน์ของผู้ปฏิบัติงาน |
3.1) ฐานความยินยอม 3.2) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม :
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมหาวิทยาลัย สำหรับการรักษาสิทธิประโยชน์ของผู้ปฏิบัติงาน |
4) เพื่อดำเนินการให้สิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการต่างๆแก่ผู้ปฏิบัติงาน
เช่น ประกันสังคม ประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพกลุ่ม ฉีดวัคซีน เป็นต้น |
4.1) ฐานสัญญา : เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา
หรือเพื่อใช้ในการรักษาสิทธิประโยชน์และสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงาน 4.2) ฐานความยินยอม 4.3) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม :
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมหาวิทยาลัย
สำหรับการให้สิทธิและสวัสดิการของผู้ปฏิบัติงานตามที่ระบุในกฎหมาย 4.4) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย :
เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามบทบัญญัติใดของกฎหมาย
หรือทำตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ หรือหน่วยงานใดที่บังคับใช้กฎหมาย |
5) เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการจ่ายค่าจ้างผู้ปฏิบัติงานและเงินอื่นใด
เช่น เงินประจำตำแหน่ง เงินช่วยพิเศษ เป็นต้น |
5.1) ฐานสัญญา : เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา
หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของบุคคลากรตามที่ระบุในสัญญา 5.2) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม :
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมหาวิทยาลัย
สำหรับการจ่ายเงินเดือนและเงินอื่นใดแก่ผู้ปฏิบัติงาน |
6) เพื่อใช้รักษาสิทธิประโยชน์
และค่าตอบแทนอื่นใดของผู้ปฏิบัติงานที่พึงได้รับตามระเบียบ
ซึ่งกำหนดโดยมหาวิทยาลัย |
6.1) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม :
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมหาวิทยาลัย
สำหรับรักษาสิทธิประโยชน์และค่าตอบแทนแก่ผู้ปฏิบัติงานตามระเบียบของมหาวิทยาลัย 6.2) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย : เป็นสิ่งจำเป็นต่อมหาวิทยาลัย ในการปฏิบัติตามบทบัญญัติใดของกฎหมาย
หรือทำตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ หรือหน่วยงานใดที่บังคับใช้กฎหมาย |
7) เพื่อการพัฒนาทรัพยากรบุคคล
และสนับสนุนส่งเสริมศักยภาพ ผู้ปฏิบัติงานของมหาวิทยาลัย เช่น อบรม สัมมนา ทุนการศึกษา
ตำแหน่งทางวิชาการ รางวัลเกียรติยศ ดร.สุข รางวัลสสอท. SPU PSF เป็นต้น |
7.1) ฐานสัญญา : เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา
สำหรับการพัฒนาผู้ปฏิบัติงานและการประเมินผลงาน 7.2) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม :
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมหาวิทยาลัย สำหรับการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของผู้ปฏิบัติงาน 7.3) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย : เป็นสิ่งจำเป็นต่อมหาวิทยาลัย
ในการปฏิบัติตามบทบัญญัติใดของกฎหมาย หรือทำตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ
หรือหน่วยงานใดที่บังคับใช้กฎหมาย |
8) เพื่อการบริหารจัดการความเสี่ยงกรณีที่เกี่ยวกับข้อร้องเรียน
หรือระเบียบวินัยและจรรยาบรรณ หรือข้อพิพาทและคดีความ |
8.1) ฐานสัญญา : เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา
หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญา 8.2) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย : เป็นสิ่งจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่มหาวิทยาลัย
ในการปฏิบัติตามบทบัญญัติใดของกฎหมาย หรือทำตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ
หรือหน่วยงานใดที่บังคับใช้กฎหมาย 8.3) ฐานประโยชน์อันชอบธรรม :
เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมหาวิทยาลัย สำหรับการดำเนินการใดๆ เพื่อบริหารจัดการงานร้องเรียน
ข้อพิพาท และคดีความ |
9) เพื่อการบริหารงานด้านทรัพยากรบุคคล
เมื่อสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ปฏิบัติงาน |
9.1) ฐานสัญญา : เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา
หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านหลังสิ้นสุดสภาพการเป็นผู้ปฏิบัติงานของมหาวิทยาลัยตามที่ระบุในสัญญา 9.2) ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย : เป็นสิ่งจำเป็นต่อการปฏิบัติหน้าที่ที่มหาวิทยาลัย
ในการปฏิบัติตามบทบัญญัติใดของกฎหมาย หรือทำตามคำสั่งของหน่วยงานใดของรัฐที่มีอำนาจ
หรือหน่วยงานใดที่บังคับใช้กฎหมาย |
มหาวิทยาลัยอาจจะใช้ฐานการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ชอบธรรมมากกว่าหนึ่งฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในแต่ละกิจกรรมของมหาวิทยาลัยที่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
2. กิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมทางการตลาด
มหาวิทยาลัย หรือบุคคลภายนอกที่มหาวิทยาลัยมีข้อตกลงด้วย
อาจดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด โดยจะนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ไปใช้ในการทำกิจกรรมทางการตลาดและการส่งเสริมการตลาด ดังต่อไปนี้
(1) การทำกิจกรรมการตลาดแบบตรง (Direct
Marketing) มหาวิทยาลัยจะดำเนินกิจกรรมการตลาดแบบตรงเฉพาะกรณีที่ท่านให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งกับมหาวิทยาลัย
ตามที่มหาวิทยาลัยได้แจ้งถึงวัตถุประสงค์ของการใช้ข้อมูลให้ทราบแล้ว ทั้งนี้
ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ให้ไว้ได้ตลอดเวลา
โดยผ่านระบบการยกเลิกการรับข้อมูลของมหาวิทยาลัย
(2) การทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการตลาด
มหาวิทยาลัยจะดำเนินกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการรับนักศึกษา เช่น กิจกรรมการเล่นเกม
หรือกิจกรรมในช่องทาง Social
Network กิจกรรมการประชาสัมพันธ์หลักสูตรและบริการของมหาวิทยาลัย
โดยมหาวิทยาลัยจะแจ้งให้ท่านทราบในกิจกรรมนี้ ซึ่งมหาวิทยาลัยจะไม่นำข้อมูลไปทำการตลาดแบบตรง
(Direct Marketing)
ยกเว้นท่านจะให้ความยินยอมโดยชัดแจ้งเพื่อการทำการตลาดแบบตรง
ตามที่มหาวิทยาลัยได้แจ้งถึงวัตถุประสงค์ของการใช้ข้อมูลให้ทราบแล้ว ทั้งนี้
ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ให้ไว้ได้ตลอดเวลา โดยผ่านระบบการยกเลิกการรับข้อมูลของมหาวิทยาลัย
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มหาวิทยาลัยจะทำการประมวลผล
3.1 ข้อมูลส่วนบุคคล
(1) ข้อมูลเฉพาะบุคคล : ชื่อ-นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด
เพศ น้ำหนัก,ส่วนสูง, สถานะทางทหาร ,หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
หมายเลขหนังสือเดินทาง (Passport No.) เลขที่ใบอนุญาตทำงาน (Work
permit No.) หรือเอกสารราชการอื่นๆ ที่สามารถระบุตัวตนได้ สถานภาพ สัญชาติ
(2) ข้อมูลทางการเงิน : เลขที่บัญชีธนาคาร สถานภาพทางการเงิน รายได้ส่วนบุคคลต่อเดือน
(3) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ :
ที่อยู่ตามบัตรประชาชน ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์
ID
LINE
(4) ข้อมูลประวัติการศึกษา : ชื่อสถานศึกษาที่จบ
วุฒิการศึกษาที่จบ คณะที่จบ สาขาวิชาที่จบ สาขาวิชาเชี่ยวชาญ วันที่เริ่มหรือวันที่จบจากสถาบันศึกษาเดิม
ประเทศที่จบการศึกษา ผลการเรียน ผลการสอบภาษา ผลการสอบคอมพิวเตอร์ ประวัติการฝึกอบรม
ดูงาน หรือฝึกงาน ,ความสามารถทางภาษา
(5) ข้อมูลประวัติการทำงาน : สถานที่ที่เคยทำงาน
ตำแหน่งงาน เงินเดือนจากที่ทำงานเดิม สถานะวิชาชีพ เงินเดือนที่เคยได้รับ เหตุผลการลาออกจากที่ทำงานเดิม
เหตุผลการพ้นสภาพการเป็นผู้ปฏิบัติงาน อายุการทำงาน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม
ภาระงานสอน ประวัติการทำงานในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
(6) ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการประเมินผล : วันที่เริ่มงาน วันครบกำหนดทดลองงาน จำนวนชั่วโมงทำงาน บันทึกการเข้าออกที่ทำงาน
รายละเอียดการลารวมถึงสาเหตุ รหัสผู้ปฏิบัติงาน ตำแหน่ง แผนก สังกัด สายการบังคับบัญชา
การประเมินผลการปฏิบัติงาน ข้อมูลการฝึกอบรม ข้อมูลการลงโทษทางวินัย ใบลาออกจากการเป็นผู้ปฏิบัติงาน
เหตุผลการลาออก ข้อมูลคำสั่งแต่งตั้ง
(7) ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์และค่าตอบแทน : เงินเดือน ค่าจ้าง ข้อมูลสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพ ข้อมูลที่ปรากฏในใบเสร็จรับเงินแสดงค่าใช้จ่าย
(เบิกเงินกรณีเกิดอุบัติเหตุ) ข้อมูลการศึกษาของบุตรผู้ปฏิบัติงาน
สำเนาสูติบัตรของบุตรผู้ปฏิบัติงาน หรือสำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีขอลดค่าเล่าเรียน)
(8) ข้อมูลระบุทรัพย์สินของส่วนบุคคล : โฉนดที่ดิน หนังสือประกันของธนาคาร
(9) ข้อมูลอื่นๆ : สถานะการกู้ยืมเงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต รูปภาพใบหน้า ข้อมูลบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง[1] ความสามารถพิเศษ
เฟสบุ๊ค
3.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว[2]
(1) ข้อมูลส่วนตัว : เชื้อชาติ
ศาสนา สุขภาพ สถานภาพบุคคล สถานภาพ ความบกพร่องทางร่างกาย
(2) ข้อมูลชีวภาพ : ภาพจำลองลายนิ้วมือ ภาพจำลองใบหน้า ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์
(3) ความพิการ
ทั้งนี้มหาวิทยาลัยต้องขอความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้งก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว
ตามหลักเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยกำหนดโดยไม่ขัดต่อกฎหมายกฎหมาย
4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
มหาวิทยาลัยจะดำเนินการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามแหล่งที่มา เมื่อ
(1) ท่านเข้าเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย (Cookies)
(2) ท่านให้ข้อมูลกับมหาวิทยาลัยผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
(3) ท่านให้ข้อมูลกับมหาวิทยาลัยผ่านการติดต่อสอบถามผ่านช่องทางออนไลน์ของมหาวิทยาลัยหรือช่องทางปกติ
(4) ท่านให้ข้อมูลกับมหาวิทยาลัยผ่านเอกสารสัญญาจ้าง
(5) ท่านให้ข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
มหาวิทยาลัยศรีปทุมหรือระบบ e-Staff ของมหาวิทยาลัย
5. การเปิดเผยและโอนข้อมูลส่วนบุคคล
5.1 การเปิดเผย ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล
มหาวิทยาลัยอาจเปิดเผย
ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ให้กับบุคคลภายนอกตามความยินยอมของท่าน
และจะใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งการประมวลผลฉบับนี้ ดังนี้
(1) บริษัทในเครือ
(2) เครื่องมือทางการตลาดออนไลน์
(3) บริษัทหรือที่ปรึกษาด้านการบริหารงานบุคคล
(4) หน่วยงานกำกับดูแล เช่น
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(5) ธนาคารคู่สัญญา
(6) หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยด้านการศึกษา
เช่น กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.)
และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานประกันสังคม
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต เป็นต้น
(7) หน่วยงานเอกชน เช่น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย
(8) หน่วยงานของรัฐหรือองค์กรใดที่มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดโดยกฎหมาย
เช่น กรมบังคับคดี กรมสรรพากร สำนักงานอัยการหรือศาล เป็นต้น
(9) บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ
5.2 การเปิดเผย ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
ในกรณีที่มหาวิทยาลัยเปิดเผย
ส่ง หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ
มหาวิทยาลัยจะดำเนินการส่งหรือโอนไปยังประเทศปลายทาง องค์กรระหว่างประเทศ
หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศที่มีมาตรการในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอและมหาวิทยาลัยอาจขอความยินยอมจากท่านสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศตามที่กฎหมายกำหนด
บุคคลภายนอกที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากมหาวิทยาลัย
จะต้องไม่ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่ได้แจ้งไว้กับมหาวิทยาลัย
6. สิทธิในฐานะเจ้าของข้อมูล
ท่านมีสิทธิในการดำเนินการตามขอบเขตที่กฎหมายอนุญาตให้กระทำได้
ดังต่อไปนี้
(1) สิทธิในการขอเพิกถอนความยินยอม
กรณีท่านให้ความยินยอมเพื่อให้มหาวิทยาลัย
เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับมหาวิทยาลัย
เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน
ทั้งนี้การถอนความยินยอมของท่านจะไม่กระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย
(2) สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัย
หรือขอให้มหาวิทยาลัยเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม
(3) สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
ท่านมีสิทธิขอให้มหาวิทยาลัยแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง
เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
(4) สิทธิในการขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้มหาวิทยาลัยลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
หากพบว่าข้อมูลดังกล่าวหมดความจำเป็นที่จะเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลนั้นตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยแล้ว
หรือกรณีที่ท่านได้ถอนความยินยอมและมหาวิทยาลัยไม่มีอำนาจดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านได้ หรือท่านได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลและมหาวิทยาลัยไม่สามารถอ้างเหตุปฏิเสธการคัดค้านได้
หรือในกรณีที่มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
(5) สิทธิในการขอระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอให้มหาวิทยาลัยระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
ในกรณีที่มหาวิทยาลัยดำเนินการระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องตามคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
หรือขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หรือเป็นข้อมูลที่หมดความจำเป็นแล้ว
หรือข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ระหว่างการพิสูจน์กรณีที่ท่านได้คัดค้านมหาวิทยาลัยในการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิเสธการใช้สิทธิคัดค้านของท่านดังกล่าว
(6) สิทธิในการขอรับ ขอให้ส่ง
หรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่มหาวิทยาลัยได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน
ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ
และท่านมีสิทธิขอให้มหาวิทยาลัยส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลอื่น
รวมทั้งมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่มหาวิทยาลัยได้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลอื่นดังกล่าวได้โดยตรงเว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
(7) สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
ท่านมีสิทธิขอคัดค้านมหาวิทยาลัยในการเก็บรวบรวม
ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อใดก็ได้ที่ได้ดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
เว้นแต่มหาวิทยาลัยแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่า
หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นความจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของมหาวิทยาลัย
(8) สิทธิในการร้องเรียน
ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
หากท่านเชื่อว่าการที่มหาวิทยาลัยดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
7. ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับท่าน
กรณีที่ท่านไม่ยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับมหาวิทยาลัย
อาจส่งผลกระทบต่อความสะดวกของท่านในการเข้าถึงการให้บริการตามวัตถุประสงค์ของหนังสือแจ้งการประมวลผลฉบับนี้
8. ระยะเวลาในการเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
มหาวิทยาลัยจะเก็บรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามหนังสือแจ้งฉบับนี้ตลอดระยะเวลาที่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติงานนับแต่วันที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับมหาวิทยาลัยและภายในระยะเวลา
10 ปีนับแต่วันที่สัญญาการเป็นผู้ปฏิบัติงานของท่านสิ้นสุดลง เว้นแต่
มหาวิทยาลัยอาจยังคงจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปหากเห็นว่ายังมีความจำเป็นหรือกฎหมายกำหนดให้มีระยะเวลาการเก็บรักษาที่นานขึ้น
ทั้งนี้มหาวิทยาลัยจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาตามวัตถุประสงค์นั้น
9. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงอันอาจทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเข้าถึงโดยมิชอบ
รั่วไหล ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข สูญหาย
หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย มหาวิทยาลัยจึงมีมาตรการรักษาความปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งจะกำหนดให้เข้าถึงได้เฉพาะที่มหาวิทยาลัยอนุญาตโดยปฏิบัติตามมาตรการการดูแลของมหาวิทยาลัยเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
10. การเปลี่ยนแปลงหนังสือแจ้งการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
มหาวิทยาลัยอาจปรับปรุง
เปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขหนังสือแจ้งการประมวลผลข้อมูลฉบับนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยจะประกาศให้ทราบผ่านเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยที่ www.spu.ac.th, www.chonburi.spu.ac.th, www.khonkaen.spu.ac.th
11. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
กรณีที่ท่านมีข้อสอบถามเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสามารถติดต่อ
ได้ดังนี้
(1) ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล : มหาวิทยาลัยศรีปทุม เลขที่ 2410/2 ถนนพหลโยธิน แขวงเสนานิคม เขตจตุจักร
กรุงเทพมหานคร
(2) เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล : บุคคลหรือหน่วยงานของมหาวิทยาลัยที่ทำหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2561 1111, 0 2561 2222
หรือโทรสาร
0 2561 1720 หรือ E-mail : DPO@spu.ac.th
[1] ข้อมูลบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง หมายถึง
ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องกับท่านและท่านได้ให้ข้อมูลนั้นแก่มหาวิทยาลัย
เช่น บิดา มารดา สามีหรือภรรยา บุตร พี่น้อง คู่สมรส (ข้อมูลที่เก็บ ได้แก่
ชื่อ-นามสกุล ,
วัน/เดือน/ปีเกิด , อาชีพ , สถานที่ทำงาน , ตำแหน่ง ,
รายได้ส่วนบุคคลต่อเดือน , หมายเลขโทรศัพท์ ) เป็นต้น ทั้งนี้
ท่านได้แจ้งให้บุคคลที่สามดังกล่าวทราบถึงหนังสือแจ้งการประมวลผลฉบับนี้และได้ขอความยินยอมจากบุคคลที่สามดังกล่าวแล้ว
เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามดังกล่าวกับมหาวิทยาลัย
[2] ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลอ่อนไหว
หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นเรื่องส่วนตัวโดยแท้ของบุคคล
แต่มีความละเอียดอ่อนและสุ่มเสี่ยงต่อการถูกใช้ในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
ได้แก่ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ
ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรมข้อมูลสุขภาพ ความพิการ
ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ
หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการประกาศกำหนด